ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนตุลาคม 2568 หดตัวเล็กน้อยจากราคาสินค้าเกษตร และกลุ่มปิโตรเลียม

ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนตุลาคม 2568 หดตัวเล็กน้อยจากราคาสินค้าเกษตร และกลุ่มปิโตรเลียม

avatar

Administrator


66


<p><strong>ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม:&nbsp;</strong><a href="https://uploads.tpso.go.th/ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนตุลาคม 2568.pdf" target="_blank">ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนตุลาคม 2568.pdf</a></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เผยว่า <strong>ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนตุลาคม 2568</strong> เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 <strong>ภาพรวมหดตัวจากราคาสินค้าในหมวดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร</strong> เนื่องจากอุปทานส่วนเกินในประเทศสูงตามปริมาณผลผลิตที่ออกมาก และ<strong>หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง</strong> ราคาปิโตรเลียมมีทิศทางเคลื่อนไหวตามอุปสงค์ของตลาดโลกที่ชะลอตัว ในขณะที่<strong> ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม</strong> ขยายตัวจากราคาทองคำที่สูงขึ้นตามตลาดโลก โดยมีรายละเอียด ดังนี้&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนตุลาคม 2568 เท่ากับ 109.3 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2567 ลดลงร้อยละ 1.4 (YoY) เป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 13.9 จากสินค้าสำคัญ</strong> ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว จากราคาส่งออกในปีนี้หดตัวตามการแข่งขันในตลาดโลกที่สูง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทอื่นในปีนี้ปรับตัวลดลง หัวมันสำปะหลังสด จากการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญซึ่งมีความต้องการที่ลดลงในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ยางพารา เนื่องจากความต้องการของตลาดปลายทางชะลอตัว สุกรมีชีวิต และโคมีชีวิต จากความต้องการบริโภคที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง <strong>สำหรับสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น</strong> ประกอบด้วย สัตว์น้ำจากการประมง (ปลากะพง ปลาทู ปลาหมึกกล้วย) จากความต้องการบริโภคในปีนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย <strong>หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 7.0</strong> จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากการทำเหมือง (หินก่อสร้าง) จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ และ<strong>หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5</strong> จากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ และเครื่องประดับ (เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับพลอย) จากอุปสงค์ของตลาดโลกที่ยังนิยมการถือครองทรัพย์สินปลอดภัย กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ &nbsp;ได้แก่ อิฐก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ใช้ในงานก่อสร้าง จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจากการซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น กลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ได้แก่ ไม้ปาร์ติเคิล ผลิตภัณฑ์ไม้ (บานหน้าต่าง วงกบหน้าต่าง) จากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นของไม้นำเข้าจากต่างประเทศ <strong>ขณะที่มีการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ</strong> ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เนื้อสุกร ข้าวสารเจ้า มันเส้น น้ำตาลทราย มีราคาลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวประกอบกับการแข่งขันกันสูงในตลาดโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ยางมะตอย น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันหล่อลื่น เนื่องจากเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น จากต้นทุนวัตถุดิบปิโตรเคมีที่ลดลง กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำยางข้น จากการลดลงของอุปสงค์ของตลาดในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพฤศจิกายน ปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย</strong> โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1) สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่เข้ามากดดันราคาสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ 2) การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของตลาดปลายทางสำคัญ กดดันราคาสินค้าผู้ผลิตในภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนที่อาจจะส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับมาตรการของภาครัฐ เช่น มาตรการคนละครึ่งพลัส หรือมาตรการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณช่วงปลายปี อาจช่วยหนุนราคาสินค้าผู้ผลิตให้ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ภาคการผลิตอย่างใกล้ชิด&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>นายนันทพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า</strong> การที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนตุลาคม 2568 ในภาพรวมปรับตัวลดลงเกิดจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ อุปทานของผลผลิตทางการเกษตรส่วนเกินที่สูงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคาตลาดโลก และกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้ผลิตไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้ ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐด้านต่าง ๆ จะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อของภาคประชาชนในช่วงเทศกาลท้ายปี</p>

ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม: 

          นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย เดือนตุลาคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 ภาพรวมหดตัวจากราคาสินค้าในหมวดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เนื่องจากอุปทานส่วนเกินในประเทศสูงตามปริมาณผลผลิตที่ออกมาก และหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ราคาปิโตรเลียมมีทิศทางเคลื่อนไหวตามอุปสงค์ของตลาดโลกที่ชะลอตัว ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ขยายตัวจากราคาทองคำที่สูงขึ้นตามตลาดโลก โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

          ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนตุลาคม 2568 เท่ากับ 109.3 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2567 ลดลงร้อยละ 1.4 (YoY) เป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 13.9 จากสินค้าสำคัญ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว จากราคาส่งออกในปีนี้หดตัวตามการแข่งขันในตลาดโลกที่สูง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทอื่นในปีนี้ปรับตัวลดลง หัวมันสำปะหลังสด จากการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญซึ่งมีความต้องการที่ลดลงในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ยางพารา เนื่องจากความต้องการของตลาดปลายทางชะลอตัว สุกรมีชีวิต และโคมีชีวิต จากความต้องการบริโภคที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง สำหรับสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย สัตว์น้ำจากการประมง (ปลากะพง ปลาทู ปลาหมึกกล้วย) จากความต้องการบริโภคในปีนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 7.0 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากการทำเหมือง (หินก่อสร้าง) จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ และเครื่องประดับ (เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับพลอย) จากอุปสงค์ของตลาดโลกที่ยังนิยมการถือครองทรัพย์สินปลอดภัย กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ  ได้แก่ อิฐก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ใช้ในงานก่อสร้าง จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจากการซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น กลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ได้แก่ ไม้ปาร์ติเคิล ผลิตภัณฑ์ไม้ (บานหน้าต่าง วงกบหน้าต่าง) จากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นของไม้นำเข้าจากต่างประเทศ ขณะที่มีการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เนื้อสุกร ข้าวสารเจ้า มันเส้น น้ำตาลทราย มีราคาลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวประกอบกับการแข่งขันกันสูงในตลาดโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ยางมะตอย น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันหล่อลื่น เนื่องจากเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น จากต้นทุนวัตถุดิบปิโตรเคมีที่ลดลง กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำยางข้น จากการลดลงของอุปสงค์ของตลาดในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง 

          แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพฤศจิกายน ปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1) สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่เข้ามากดดันราคาสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ 2) การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของตลาดปลายทางสำคัญ กดดันราคาสินค้าผู้ผลิตในภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนที่อาจจะส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับมาตรการของภาครัฐ เช่น มาตรการคนละครึ่งพลัส หรือมาตรการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณช่วงปลายปี อาจช่วยหนุนราคาสินค้าผู้ผลิตให้ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ภาคการผลิตอย่างใกล้ชิด 

          นายนันทพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนตุลาคม 2568 ในภาพรวมปรับตัวลดลงเกิดจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ อุปทานของผลผลิตทางการเกษตรส่วนเกินที่สูงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคาตลาดโลก และกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้ผลิตไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้ ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐด้านต่าง ๆ จะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อของภาคประชาชนในช่วงเทศกาลท้ายปี

เผยแพร่เมื่อวันที่ 03 พฤศจิกายน 2568