พาณิชย์เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเล็กน้อยจากสถานการณ์ภายในประเทศ

พาณิชย์เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเล็กน้อยจากสถานการณ์ภายในประเทศ

avatar

Administrator


114


<p><strong>ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม: &nbsp;</strong><a href="https://uploads.tpso.go.th/ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. 68.pdf" target="_blank">ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. 68.pdf</a></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,717 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่า&nbsp;<strong>ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 47.9</strong> ลดลงจากเดือนก่อนหน้าจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีอยู่ในระดับไม่เชื่อมั่นคาดว่ามาจากประชาชนยังมีความกังวลต่อภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายของครัวเรือนและธุรกิจ ประกอบกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย อาทิ นโยบายการค้าและภาษีของประเทศคู่ค้าหลัก สินค้าเกษตรไทยที่เผชิญกับการแข่งขันสูงในตลาดโลก&nbsp;ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจบริการ และสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย &ndash; กัมพูชา&nbsp;ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) อยู่ในช่วงเชื่อมั่นที่ระดับ 53.7 แม้จะปรับตัวลดลงจากระดับ 54.2 ในเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ทำให้ประชาชนยังมีความเชื่อมั่นในอนาคตคาดว่ามาจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี เพื่อบรรเทาภาระของประชาชนและภาคธุรกิจ ประกอบกับการส่งออกยังขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อาทิ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา และภัยธรรมชาติในบางพื้นที่&nbsp;ซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะต่อไป</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.15 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ ร้อยละ 12.89 สังคม/ความมั่นคง ร้อยละ 10.93 ราคาสินค้าเกษตร ร้อยละ 8.50 เศรษฐกิจโลก ร้อยละ 8.05 การเมือง ร้อยละ 7.45 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 1.91 ภัยพิบัติ/โรคระบาด ร้อยละ 1.52 และอื่น ๆ ร้อยละ 0.60 ตามลำดับ</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค</strong> จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 1 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 50.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 48.8 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 46.7 และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 46.0 ซึ่งแม้อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคเหนือลดลง&nbsp;อยู่ที่ระดับ 45.8 จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ</strong> จำนวน 7 อาชีพ พบว่า มี 1 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 52.0 ในขณะที่มี 6 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยผู้ประกอบการ&nbsp;อยู่ที่ระดับ 49.0 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 48.9 พนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 47.5 อาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 46.5 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 46.4 และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 45.8 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า&nbsp;ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 37.1 แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นายพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคมลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยภายในประเทศเป็นแรงกดดันสำคัญ ทั้งจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย &ndash; กัมพูชา และอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงเดือนสิงหาคม&nbsp;นอกจากนี้ ปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจ ยิ่งเพิ่มระดับความกังวลของประชาชนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยบรรเทาภาระของประชาชนในสถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าว&nbsp;ขณะที่ การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนได้ในอีกทางหนึ่ง อีกทั้งความชัดเจนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยลดความกังวลจากสถานการณ์การค้าที่ตึงเครียดในระยะที่ผ่านมาซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจในระยะต่อไป&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน รวมถึงการช่วยเหลือและส่งเสริมการพัฒนาของภาคธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์จะยังคงดำเนินการมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสนับสนุนภาคการค้าและภาคธุรกิจให้ขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป</p>

ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม:  

          นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,717 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 47.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

          ปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีอยู่ในระดับไม่เชื่อมั่นคาดว่ามาจากประชาชนยังมีความกังวลต่อภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายของครัวเรือนและธุรกิจ ประกอบกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย อาทิ นโยบายการค้าและภาษีของประเทศคู่ค้าหลัก สินค้าเกษตรไทยที่เผชิญกับการแข่งขันสูงในตลาดโลก ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจบริการ และสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย – กัมพูชา ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) อยู่ในช่วงเชื่อมั่นที่ระดับ 53.7 แม้จะปรับตัวลดลงจากระดับ 54.2 ในเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ทำให้ประชาชนยังมีความเชื่อมั่นในอนาคตคาดว่ามาจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี เพื่อบรรเทาภาระของประชาชนและภาคธุรกิจ ประกอบกับการส่งออกยังขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อาทิ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา และภัยธรรมชาติในบางพื้นที่ ซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะต่อไป

          ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.15 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ ร้อยละ 12.89 สังคม/ความมั่นคง ร้อยละ 10.93 ราคาสินค้าเกษตร ร้อยละ 8.50 เศรษฐกิจโลก ร้อยละ 8.05 การเมือง ร้อยละ 7.45 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 1.91 ภัยพิบัติ/โรคระบาด ร้อยละ 1.52 และอื่น ๆ ร้อยละ 0.60 ตามลำดับ

          ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 1 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 50.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 48.8 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 46.7 และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 46.0 ซึ่งแม้อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคเหนือลดลง อยู่ที่ระดับ 45.8 จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่

          ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า มี 1 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 52.0 ในขณะที่มี 6 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 49.0 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 48.9 พนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 47.5 อาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 46.5 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 46.4 และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 45.8 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 37.1 แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า

          นายพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคมลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยภายในประเทศเป็นแรงกดดันสำคัญ ทั้งจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา และอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ ปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจ ยิ่งเพิ่มระดับความกังวลของประชาชนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยบรรเทาภาระของประชาชนในสถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าว ขณะที่ การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนได้ในอีกทางหนึ่ง อีกทั้งความชัดเจนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยลดความกังวลจากสถานการณ์การค้าที่ตึงเครียดในระยะที่ผ่านมาซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจในระยะต่อไป 

          ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน รวมถึงการช่วยเหลือและส่งเสริมการพัฒนาของภาคธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์จะยังคงดำเนินการมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสนับสนุนภาคการค้าและภาคธุรกิจให้ขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป

เผยแพร่เมื่อวันที่ 03 กันยายน 2568