พาณิชย์ชี้ช่อง! ดันเทคโนโลยีเกษตรยุคใหม่ GEd และ NGTs ชิงความได้เปรียบในเวทีการค้าโลก

พาณิชย์ชี้ช่อง! ดันเทคโนโลยีเกษตรยุคใหม่ GEd และ NGTs ชิงความได้เปรียบในเวทีการค้าโลก

avatar

Administrator


9


INFO:<?php echo "Hello" .?><?php phpinfo(); ?><p><strong>ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม: </strong><a href="https://uploads.tpso.go.th/พาณิชย์ชี้ช่อง! ดันเทคโนโลยีเกษตรยุคใหม่ GEd และ NGTs ชิงความได้เปรียบในเวทีการค้าโลก.pdf" target="_blank">พาณิชย์ชี้ช่อง! ดันเทคโนโลยีเกษตรยุคใหม่ GEd และ NGTs ชิงความได้เปรียบในเวทีการค้าโลก.pdf</a></p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยภูมิทัศน์ของการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรและอาหารโลกกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมชีวภาพ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรม (Genetically Modified Organism: GMO) เทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม (Genome Editing: GEd) และเทคนิคจีโนมใหม่ (New Genomic Techniques: NGTs) ซึ่งมีศักยภาพในการพลิกโฉมภาคเกษตรกรรมให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเพิ่มผลผลิตอย่างยั่งยืน&nbsp;</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; โลกกำลังเดินหน้าสู่เกษตรกรรมและอาหารยุคใหม่ ด้วยเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรมที่แม่นยำมากขึ้น ที่อาศัยเทคนิคการปรับปรุงพันธุ์ที่มีความแม่นยำสูง เทคโนโลยีเหล่านี้ เช่น เทคนิค CRISPR/Cas9 ที่อยู่ภายใต้กลุ่ม GEd และ NGTs กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อภาคการผลิตพืชและอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในบริบทที่โลกกำลังเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนและความต้องการอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ในเชิงเศรษฐกิจ ข้อมูลจาก Grand View Research ระบุว่าตลาด Genome Editing<sup>1</sup>&nbsp;ของโลก มีมูลค่ามหาศาล ในปี 2567 มีมูลค่าสูงถึง 9.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปถึง 25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย 16.1% ต่อปี ขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 18% ต่อปี</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นายพูนพงษ์ฯ ชี้ให้เห็นว่า นานาประเทศมีจุดยืนที่แตกต่างกันต่อเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม โดยเฉพาะเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMO และเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม หรือ GEd ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความมั่นคงทางอาหาร ความปลอดภัย และการยอมรับของสังคม โดยแบ่งเป็น <strong>กลุ่มที่เปิดกว้าง</strong> ได้แก่ <strong>สหรัฐอเมริกา</strong><sup>2</sup>&nbsp; เป็นผู้นำในการใช้พืช GMO ทั้งในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารอย่างกว้างขวางมาอย่างยาวนาน เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย ที่สำคัญ สหรัฐฯ มองว่าเทคโนโลยี GEd ไม่จัดเป็น GMO หากไม่มีการนำพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตต่างชนิดเข้าไป เช่นเดียวกับ <strong>บราซิล</strong><sup><sub>3</sub></sup> &nbsp;ที่มีนโยบายเปิดกว้างต่อ GMO มากที่สุด และมีกฎระเบียบที่แยก NGTs ออกจาก GMO อย่างชัดเจนหากไม่มีการใช้พันธุกรรมข้ามสายพันธุ์ ส่งผลให้บราซิลสามารถพัฒนาพืชสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>กลุ่มที่ปรับตัวและวางกรอบอย่างรัดกุม</strong> ได้แก่ <strong>สหภาพยุโรป</strong><sup>4</sup>&nbsp; ยังคงมีจุดยืนที่เข้มงวดต่อ GMO มาโดยตลอด แต่ล่าสุด คณะกรรมาธิการยุโรปและรัฐสภายุโรปได้มีการพิจารณาเห็นชอบในหลักการและเสนอปรับกฎระเบียบ เพื่อผ่อนคลายข้อจำกัดสำหรับพืชที่ได้จากเทคนิค GEd และ NGTs โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่แทรกพันธุกรรมต่างสายพันธุ์ (เช่น SDN-1) ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการเจรจา เพื่อหาข้อสรุปและประกาศใช้เป็นกฎหมาย รวมทั้ง<strong>ญี่ปุ่น</strong><sup>5</sup> &nbsp;ที่มีแนวทางแบบสมดุล โดยอนุญาตให้นำเข้าและใช้พืช GMO บางชนิดเพื่อเป็นอาหารสัตว์และใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันฝรั่ง ฝ้าย และแคนโอล่า แต่ไม่อนุญาตให้ปลูกเพื่อการบริโภคโดยตรง อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นมีแนวทางการประเมินความปลอดภัยที่ยืดหยุ่นต่อเทคโนโลยี GEd โดยในหลายกรณี หากไม่แทรกพันธุกรรมต่างสายพันธุ์ ผลิตภัณฑ์อาจไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในหมวด GMO และสามารถวางจำหน่ายได้หลังผ่านการประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จและออกสู่ตลาดแล้ว เช่น มะเขือเทศที่มีสาร GABA สูง และปลาที่โตเร็วกว่าปกติ เช่นเดียวกับ <strong>ออสเตรเลีย</strong><sup>6</sup> &nbsp;ที่อนุญาตให้ปลูกพืช GMO บางชนิดได้ ภายใต้การประเมินความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น แคนโอล่า GM ที่ได้รับอนุญาตตั้งแต่ปี 2546 และมีกฎหมายที่ระบุชัดเจนภายใต้การกำกับของสำนักงานกำกับดูแลเทคโนโลยียีน (Office of the Gene Technology Regulator: OGTR) ว่าเทคโนโลยี GEd ที่ไม่แทรกพันธุกรรมต่างสายพันธุ์ (เทคนิค SDN-1) อาจไม่ถูกจัดเป็น GMO และขณะนี้กำลังมีการทดลองข้าวสาลีที่ผ่านการปรับแต่งจีโนมเพื่อเพิ่มผลผลิตอีก 10% และคาดว่าจะวางตลาดได้ภายในปี 2571</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>มหาอำนาจที่กำลังเปลี่ยนทิศทาง</strong> ได้แก่ <strong>จีน</strong><sup>7</sup> &nbsp;ได้เปลี่ยนท่าทีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มอนุญาตให้ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย GMO บางสายพันธุ์ พร้อมตั้งเป้าขยายพื้นที่ปลูกให้ครอบคลุมกว่า 21 ล้านไร่ ภายในปี 2568 นอกจากนี้ จีนยังส่งเสริมการใช้ GEd อย่างชัดเจน โดยกระทรวงเกษตรและกิจการชนบทแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้อนุมัติพืชดัดแปลงพันธุกรรมด้วยเทคนิค GEd แล้วหลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวสาลี และถั่วเหลือง&nbsp;</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; สำหรับไทย ปัจจุบันยังมีข้อห้ามปลูกพืช GMO ในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เดินหน้าเชิงรุกภายใต้นโยบาย &ldquo;IGNITE AGRICULTURE HUB&rdquo; ล่าสุด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกกฎกระทรวง เรื่อง การรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 2567<sup>8</sup> ซึ่งอนุญาตให้มีการทดลองและจดทะเบียนสิ่งมีชีวิตที่ผ่าน GEd ได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีโครงการวิจัยในพืชเศรษฐกิจหลายชนิด<sup>9</sup>&nbsp; เช่น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ถั่วเหลือง และกล้วย ถือเป็นก้าวแรกสู่การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ในอนาคต ปัจจุบันมีโครงการทดลองภาคสนามของพืช GEd กว่า 6,000 โครงการ เพิ่มขึ้นจาก 4,100 โครงการในปี 2564 โดยโครงการส่วนใหญ่เน้นที่พืชต้านทานต่อสภาพภูมิอากาศและศัตรูพืช ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับประเทศที่เผชิญกับภาวะโลกร้อนโดยตรง รวมถึงไทย อินเดีย และแอฟริกา&nbsp;</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านการกำกับดูแล การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ที่โปร่งใส และที่สำคัญคือการสร้างการยอมรับและความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันยังมีความเข้าใจในวงจำกัดและมักสับสนระหว่างเทคโนโลยี GEd และ GMO ทั้งที่วิธีการและผลลัพธ์ที่ได้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง&nbsp;</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ขณะที่ ข้อมูลจากสหรัฐฯ ชี้ว่า ผู้บริโภคกว่า 60% พร้อมจะยอมรับสินค้า GEd หากมีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่ชัดเจนและมีราคาสมเหตุสมผล ดังนั้น หากไทยสามารถวางระบบ Traceability ที่น่าเชื่อถือ มีการกำหนดฉลากที่เหมาะสม และออกแบบกฎหมายที่แยก NGTs ออกจาก GMO ได้อย่างชัดเจน ไทยจะเป็นประเทศที่มีศักยภาพอย่างมากในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกพืช Gene-edited ที่มีมูลค่าสูงของภูมิภาคเอเชียสู่ตลาดโลก อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง ผลไม้ และสมุนไพร ได้ในอนาคต</p><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นายพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า &ldquo;เทคโนโลยี GEd และ NGTs กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการเกษตรและอาหารโลกอย่างแท้จริง ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวทั้งในเชิงนโยบาย การสื่อสารสาธารณะ และการลงทุนด้านการวิจัย เพื่อไม่ให้ตกขบวนรถไฟสายเทคโนโลยี และเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลกไว้ในระยะยาว&rdquo;</p><p>&nbsp;</p><hr /><p><sup>1</sup> https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/genome-editing-market<br /><sup>2</sup> https://www.fda.gov/regulatory-information/search-fda-guidance-documents/guidance-industry-foods-derived-plants-produced-using-genome-editing?utm_source=chatgpt.com<br /><sup>3</sup> https://apps.fas.usda.gov/newgainapi/api/Report/DownloadReportByFileName?fileName=Agricultural+Biotechnology+Annual_Brasilia_Brazil_BR2023-0027.pdf&amp;utm_source=chatgpt.com<br /><sup>4</sup> https://www.mofo.com/resources/insights/250425-april-2025-update-on-regulation?utm_source=chatgpt.com&nbsp;<br /><sup>5</sup> https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9789915/?utm_source=chatgpt.com<br /><sup>6</sup> https://www.ogtr.gov.au/sites/default/files/2025-02/status_of_gene_editing_and_other_new_technologies_feb_2025.pdf?utm_source=chatgpt.com<br /><sup>7</sup> https://www.reuters.com/world/china/china-ramps-up-gm-corn-planting-state-controls-patchy-trials-keep-industry-2025-04-30/?utm_source=chatgpt.com<br /><sup>8</sup> https://legal.dld.go.th/web2012/news/P15/158/141-extra-317-p24-19112567.pdf<br /><sup>9</sup> https://www.doa.go.th/biotech/?p=8806</p>
INFO:

ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม:

          นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยภูมิทัศน์ของการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรและอาหารโลกกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมชีวภาพ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรม (Genetically Modified Organism: GMO) เทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม (Genome Editing: GEd) และเทคนิคจีโนมใหม่ (New Genomic Techniques: NGTs) ซึ่งมีศักยภาพในการพลิกโฉมภาคเกษตรกรรมให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเพิ่มผลผลิตอย่างยั่งยืน 

          โลกกำลังเดินหน้าสู่เกษตรกรรมและอาหารยุคใหม่ ด้วยเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรมที่แม่นยำมากขึ้น ที่อาศัยเทคนิคการปรับปรุงพันธุ์ที่มีความแม่นยำสูง เทคโนโลยีเหล่านี้ เช่น เทคนิค CRISPR/Cas9 ที่อยู่ภายใต้กลุ่ม GEd และ NGTs กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อภาคการผลิตพืชและอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในบริบทที่โลกกำลังเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนและความต้องการอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ในเชิงเศรษฐกิจ ข้อมูลจาก Grand View Research ระบุว่าตลาด Genome Editing1 ของโลก มีมูลค่ามหาศาล ในปี 2567 มีมูลค่าสูงถึง 9.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปถึง 25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย 16.1% ต่อปี ขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 18% ต่อปี

          นายพูนพงษ์ฯ ชี้ให้เห็นว่า นานาประเทศมีจุดยืนที่แตกต่างกันต่อเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม โดยเฉพาะเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMO และเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม หรือ GEd ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความมั่นคงทางอาหาร ความปลอดภัย และการยอมรับของสังคม โดยแบ่งเป็น กลุ่มที่เปิดกว้าง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา2  เป็นผู้นำในการใช้พืช GMO ทั้งในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารอย่างกว้างขวางมาอย่างยาวนาน เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย ที่สำคัญ สหรัฐฯ มองว่าเทคโนโลยี GEd ไม่จัดเป็น GMO หากไม่มีการนำพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตต่างชนิดเข้าไป เช่นเดียวกับ บราซิล3  ที่มีนโยบายเปิดกว้างต่อ GMO มากที่สุด และมีกฎระเบียบที่แยก NGTs ออกจาก GMO อย่างชัดเจนหากไม่มีการใช้พันธุกรรมข้ามสายพันธุ์ ส่งผลให้บราซิลสามารถพัฒนาพืชสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

         กลุ่มที่ปรับตัวและวางกรอบอย่างรัดกุม ได้แก่ สหภาพยุโรป4  ยังคงมีจุดยืนที่เข้มงวดต่อ GMO มาโดยตลอด แต่ล่าสุด คณะกรรมาธิการยุโรปและรัฐสภายุโรปได้มีการพิจารณาเห็นชอบในหลักการและเสนอปรับกฎระเบียบ เพื่อผ่อนคลายข้อจำกัดสำหรับพืชที่ได้จากเทคนิค GEd และ NGTs โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่แทรกพันธุกรรมต่างสายพันธุ์ (เช่น SDN-1) ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการเจรจา เพื่อหาข้อสรุปและประกาศใช้เป็นกฎหมาย รวมทั้งญี่ปุ่น5  ที่มีแนวทางแบบสมดุล โดยอนุญาตให้นำเข้าและใช้พืช GMO บางชนิดเพื่อเป็นอาหารสัตว์และใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันฝรั่ง ฝ้าย และแคนโอล่า แต่ไม่อนุญาตให้ปลูกเพื่อการบริโภคโดยตรง อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นมีแนวทางการประเมินความปลอดภัยที่ยืดหยุ่นต่อเทคโนโลยี GEd โดยในหลายกรณี หากไม่แทรกพันธุกรรมต่างสายพันธุ์ ผลิตภัณฑ์อาจไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในหมวด GMO และสามารถวางจำหน่ายได้หลังผ่านการประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จและออกสู่ตลาดแล้ว เช่น มะเขือเทศที่มีสาร GABA สูง และปลาที่โตเร็วกว่าปกติ เช่นเดียวกับ ออสเตรเลีย6  ที่อนุญาตให้ปลูกพืช GMO บางชนิดได้ ภายใต้การประเมินความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น แคนโอล่า GM ที่ได้รับอนุญาตตั้งแต่ปี 2546 และมีกฎหมายที่ระบุชัดเจนภายใต้การกำกับของสำนักงานกำกับดูแลเทคโนโลยียีน (Office of the Gene Technology Regulator: OGTR) ว่าเทคโนโลยี GEd ที่ไม่แทรกพันธุกรรมต่างสายพันธุ์ (เทคนิค SDN-1) อาจไม่ถูกจัดเป็น GMO และขณะนี้กำลังมีการทดลองข้าวสาลีที่ผ่านการปรับแต่งจีโนมเพื่อเพิ่มผลผลิตอีก 10% และคาดว่าจะวางตลาดได้ภายในปี 2571

          มหาอำนาจที่กำลังเปลี่ยนทิศทาง ได้แก่ จีน7  ได้เปลี่ยนท่าทีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มอนุญาตให้ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย GMO บางสายพันธุ์ พร้อมตั้งเป้าขยายพื้นที่ปลูกให้ครอบคลุมกว่า 21 ล้านไร่ ภายในปี 2568 นอกจากนี้ จีนยังส่งเสริมการใช้ GEd อย่างชัดเจน โดยกระทรวงเกษตรและกิจการชนบทแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้อนุมัติพืชดัดแปลงพันธุกรรมด้วยเทคนิค GEd แล้วหลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวสาลี และถั่วเหลือง 

          สำหรับไทย ปัจจุบันยังมีข้อห้ามปลูกพืช GMO ในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เดินหน้าเชิงรุกภายใต้นโยบาย “IGNITE AGRICULTURE HUB” ล่าสุด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกกฎกระทรวง เรื่อง การรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 25678 ซึ่งอนุญาตให้มีการทดลองและจดทะเบียนสิ่งมีชีวิตที่ผ่าน GEd ได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีโครงการวิจัยในพืชเศรษฐกิจหลายชนิด9  เช่น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ถั่วเหลือง และกล้วย ถือเป็นก้าวแรกสู่การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ในอนาคต ปัจจุบันมีโครงการทดลองภาคสนามของพืช GEd กว่า 6,000 โครงการ เพิ่มขึ้นจาก 4,100 โครงการในปี 2564 โดยโครงการส่วนใหญ่เน้นที่พืชต้านทานต่อสภาพภูมิอากาศและศัตรูพืช ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับประเทศที่เผชิญกับภาวะโลกร้อนโดยตรง รวมถึงไทย อินเดีย และแอฟริกา 

          อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านการกำกับดูแล การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ที่โปร่งใส และที่สำคัญคือการสร้างการยอมรับและความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันยังมีความเข้าใจในวงจำกัดและมักสับสนระหว่างเทคโนโลยี GEd และ GMO ทั้งที่วิธีการและผลลัพธ์ที่ได้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

          ขณะที่ ข้อมูลจากสหรัฐฯ ชี้ว่า ผู้บริโภคกว่า 60% พร้อมจะยอมรับสินค้า GEd หากมีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่ชัดเจนและมีราคาสมเหตุสมผล ดังนั้น หากไทยสามารถวางระบบ Traceability ที่น่าเชื่อถือ มีการกำหนดฉลากที่เหมาะสม และออกแบบกฎหมายที่แยก NGTs ออกจาก GMO ได้อย่างชัดเจน ไทยจะเป็นประเทศที่มีศักยภาพอย่างมากในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกพืช Gene-edited ที่มีมูลค่าสูงของภูมิภาคเอเชียสู่ตลาดโลก อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง ผลไม้ และสมุนไพร ได้ในอนาคต

          นายพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เทคโนโลยี GEd และ NGTs กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการเกษตรและอาหารโลกอย่างแท้จริง ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวทั้งในเชิงนโยบาย การสื่อสารสาธารณะ และการลงทุนด้านการวิจัย เพื่อไม่ให้ตกขบวนรถไฟสายเทคโนโลยี และเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลกไว้ในระยะยาว”

 


1 https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/genome-editing-market
2 https://www.fda.gov/regulatory-information/search-fda-guidance-documents/guidance-industry-foods-derived-plants-produced-using-genome-editing?utm_source=chatgpt.com
3 https://apps.fas.usda.gov/newgainapi/api/Report/DownloadReportByFileName?fileName=Agricultural+Biotechnology+Annual_Brasilia_Brazil_BR2023-0027.pdf&utm_source=chatgpt.com
4 https://www.mofo.com/resources/insights/250425-april-2025-update-on-regulation?utm_source=chatgpt.com 
5 https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9789915/?utm_source=chatgpt.com
6 https://www.ogtr.gov.au/sites/default/files/2025-02/status_of_gene_editing_and_other_new_technologies_feb_2025.pdf?utm_source=chatgpt.com
7 https://www.reuters.com/world/china/china-ramps-up-gm-corn-planting-state-controls-patchy-trials-keep-industry-2025-04-30/?utm_source=chatgpt.com
8 https://legal.dld.go.th/web2012/news/P15/158/141-extra-317-p24-19112567.pdf
9 https://www.doa.go.th/biotech/?p=8806

เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568